กฎทั่วไปสำหรับการเล่นปาเป้า/ปาลูกดอก
การปาเป้าจะมีกติกาที่ชัดเจนและมีการเล่นที่ตายตัวดังนี้
1. เป็นเกมที่ผู้เล่นจะต้องผลัดกันขว้างปาลูกดอก 3 ลูกผลัดกันไปมาตามคิว
2. การกำหนดลำดับในการปาจะวัดจากตรงที่ใครที่ปาลูกดอกใกล้ศูนย์เล็งมากที่สุดจะได้เล่นดันดับแรก ๆ ใครปาไกลออกไปก็เรียงไปตามลำดับ
3. แต่ละฝ่ายเริ่มต้นด้วย 301 คะแนน และวิธีการให้คะแนนคือการลบจำนวนคะแนนที่ได้รับออกจากส่วนที่เหลือ
จะชนะได้ก็ต่อเมื่อคะแนนของคนนั้นเข้าใกล้ 0 มากที่สุด และเวลาจบเกมจะต้อง จบเกมด้วยการโยนไปที่เป้าหมาย “Bull-eye” เพื่อให้เป็นศูนย์
“ลูกดอก” 1 ลูก ประกอบด้วยส่วนไหนบ้าง?
เรามาทำความเข้าใจกับส่วนประกอบของลูกดอกกันก่อนดีกว่าว่า ลูกดอกนั้นประกอบด้วยอะไรบ้าง
– Point เป็นส่วนหัวของการปาลูกดอก ซึ่งมีอยู่ 2 แบบ คือ
1.Steel Tip หัวเข็มนี้จะเป็นแบบเหล็ก และนิยมอย่างมากทางแถบยุโรป
2.Soft Tip จะเป็นแบบพลาสติก ส่วนมากจะเอาไว้เล่นกับ Electronic Dartboard นิยมเป็นอย่างมากในแถมเอเชีย แต่ในไทยไม่ค่อยนิยมเท่าไหร่
– Barrel เป็นส่วนสำคัญของลูกดอก ซึ่งตัวนี้จะขึ้นอยู่กับรูปทรง น้ำหนัก ผู้เล่นจำเป็นที่จะต้องเลือกให้เหมาะสมกับตนเอง รวมไปถึงพื้นผิวสัมผัสด้วย น้ำหนักของ Barrel นั้นจะอยู่ที่ประมาณ 22 กรัมและมักจะทำจากวัสดุอย่าง ทองเหลือง , นิเกิลซิลเวอร์ , ทังสเเตน ราคาของทองเหลือและนิเกิลซิลเวอร์นั้นจะถูกกว่า ทังสเเตน ถ้าเริ่มเล่นใหม่หรือมีงบน้อยแนะนำให้เลือกใช้แบบ ทองเหลืองจะดีกว่า
– Shaft / Stem เป็นก้านจับที่จะมีอยู่ 2 แบบคือ
1. ก้านไนล่อน เป็นพลาสติก มีความติดมือหน่อย ๆ แต่ไม่สามารถโยนแรง ๆ ได้ เพราะค่อนข้างเปราะ
2.ก้านอลูมิเนียม เป็นอลูมิเนียมที่มีน้ำหนัก และต้องเลือกให้เหมาะสมกับคนเล่น เพราะมีผลมากในการปา
– Flight เป็นส่วนที่ช่วยในการทรงตัวของลูกดอก ซึ่งจะทำมาจาก โพลีเอสเตอร์ บางที่ก็ทำจากขนนอก แต่ที่นิยมที่สุดก็คือ โพลีเอสเตอร์ เนื่องจากมีแรงต้าน และทำให้ลูกดอกพุ่งไปข้างหน้าได้ดีกว่าแบบอื่น
– Dartboard ส่วนมากผลิดจาก ไซแซ็ล แต่ที่ทั่วโลกหันมาใช้กันมากขึ้นก็จะเป็น เส้นใยป่านจากแอฟริกาตะวันออก เพราะมีความทนทานมากและใช้ได้นานกว่าเส้นใยแบบอื่น ๆ
กระดานปาลูกดอก
โดยกระดานวงกลมประกอบด้วยสามเหลี่ยมหลาย ๆ อัน ที่เรียกกันว่า ‘ชิ้นพาย’ โดยสามเหลี่ยม 1 อันจะมีหมายเลขเป็ยของตัวเองตั้งแต่เลข 1 ถึง 20 และจะมีวแหวนล้มรอบ 2 วง ก้วยกันคือวงใน และวงนอก วงแหวนจะมีช่องเล็ก ๆ อยู่ภายในซึ่งมีขนาดเล็กมากเพียง 8 mm เท่านั้น และถ้าใครปาลงในช่องนี้ก็จะได้ตัวคูณไป วงในจะคูณ 3 เท่า ส่วนวงนอกจะคูณ 2 เท่านั่นเอง
การนับคะแนน
ในแต่ละสีและในแต่ละแบบก็จะมีคะแนนและการนับที่แตกต่างกันออกไปดังนี้
1.แถบสามเหลี่ยมสีดำและสีขาว ที่มีเส้นสีดำล้อมรอบ ส่วนที่เป็นสีดำ จะแต้มเท่ากับกระดานเลยคือ ถ้าตกสีดพที่ 3 แต้มก็จะได้ 3 แต้ม และถ้าตกสีขาวที่ 4 แต้มก็จะได้ 4 แต้ม
2.แถบสีเขียวและสีแดงจุดตรงกลาง จุดสีแดงเรียกว่า Double Bull มีค่า 50 แต้ม ส่วนแถบสีเขียวที่อยู่รอบ ๆ สีแดงเรียกว่า Single Bull มีค่าเท่ากับ 25 แต้ม
3.แถบเขียวและแถบแดงภายในกระดาน ( วงใน ) เป็นตัวคูณที่จะได้คูณจากแต้มสีดำ อย่างเช่น ผู้เล่นปาที่แถบดำที่แต้ม 6 ผู้เล่นจะได้คูณ 3 หรือที่เรียกว่า Triple จาก 6 แต้มก็จะได้ 18 แต้ม
4.แถบเขียวและแถบแดงภายในกระดาน ( วงนอก ) เป็นตัวคูณที่จะได้คูณจากแต้มสีดำ อย่างเช่น ผู้เล่นปาที่แถบดำที่แต้ม 8 ผู้เล่นจะได้คูณ 2 หรือที่เรียกว่า Double จาก 8 แต้มก็จะได้ 16 แต้ม
การตั้งค่าสกอร์
การตั้งค่าสกอร์นั้นจะเขียนบนกระดานหรือกระดาษก็ได้ แต่ต้องตั้งให้เห็นทุกคน ส่วนมากจะมีกระดานให้เขียนข้าง ๆ เป้าอยู่แล้ว โดยต้องเขียนชื่อคนเล่น หรือ ทีมที่ด้านบนของกระดาน และแบ่ง 3 ช่อง เป็นแนวตั้งล่างชื่อ จากนั้นให้เขียนเลขในช่องกลาง ด้วยเลข 15 , 16 , 17 , 18 , 19 , 20 และเป้า ถ้าฝั่งไหนปาโดนเลขไหนก็ขีดที่ช่องฝั่ง ๆ ข้างของช่องสกอได้เลย
เทคนิคการให้คะแนนที่แนะนำสำหรับการแข่งขันปาเป้า
จะชนะเกมได้ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่แค่เทคนิค แต่วัดกันด้วยความสามารถของตัวผู้เล่นเองและปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมาย
– สิ่งแรก ที่ผู้เล่นต้องกำหนดคือ Doubling Sectors ที่ตัวผู้เล่นคิดว่าน่าจะ
ทำออกมาได้ แต่เราก็อยากจะแนะนำว่าให้เน้น ส่วนที่ 20 และ 16 จะดีกว่าเพราะเป็นส่วนที่เบสิคที่สุด
– สิ่งที่สอง คือ ผู้เล่นจะต้องคุ้นเคยกับการนับคะแนนแบบถอยหลัง โดยที่จะเริ่ม
จาก 301 และ 501 แล้วแต่จำนวนคน
– สิ่งที่สาม คือ ให้ผู้เล่นระวังอย่างมากเมื่อคะแนนเข้าใจ 150-100 ให้ผู้เล่น
พยายามปาในส่วนของ Triples หรือ Doubling ถ้าเน้นสองอย่างนี้ได้ก็จะทำให้ผู้เล่นชนะได้อย่างสวยงาม
ลูกดอกทุกดอกมีคุณค่ามาก ปาพลาดเพียงครั้งเดียวอาจจะพลิกผลการแข่งขันเลยก็ว่าได้ เซียนลุกดอกหลาย ๆ คนเก่งได้เพราะได้รับการฝึกซ้อมอย่างหนัก เป็นประจำมาอย่างนาวนาน แรก ๆ อาจจะเล่นตามคำแนะนำ แต่นาน ๆ ไปทุกคนก็จะมีเทคนิคเป็นของตัวเองนั่นเอง
เทคนิคการขว้าง
เทคนิคการขว้างที่เราอยากจะแนะนำนั้น ผู้เล่นต้องใช้ท่าที่สบายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ยืนเอียงเกินไป หรือยืนตรงจนเกินไป ตำแหน่งของเท้าก็สำคัญวางให้ถูก ยืนให้ถูกแล้วการปาลูกดอกของผู้เล่นจะง่ายมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญการปาลูกดอกให้เน้นใช้ข้อมือและศอกเท่านั้น !
ใครที่ถนัดขวาก็ใช้มือขวา และเท้าขวาในการช่วยทรงตัว และใครที่ถนัดซ้ายให้ใช้เท้าซ้ายและมือซ้ายเช่นกัน ตอนวางท่าให้วางขาอยู่ระดับไหล่ และวางให้อยู่ริมเว้นขอบ หรือ เส้นโยโกะ ขาข้างนึงก้าวไปข้างหน้า อีกข้างให้ก้าวไปข้างหลัง โดยให้เท้าช้างหลังมีการเปิดเล็กน้อยให้พอทรงตัวได้
การเล่นปาเป้านั้นหลาย ๆ อาจจะคิดว่าง่ายแต่หลายคนก็มันจะพลาดได้ง่าย ๆ เหมือนกัน ซึ่งเราก็ต้องกะตำแหน่งการโยนให้ดี และโยนให้ตรงเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้นั่นเอง เมื่อผู้เล่นได้ตำแหน่งในการโยนแล้ว ควรที่จะกะระยะให้ห่างจากเป้าพอสมควร เอียงตัวไปข้างหน้าในองศาที่พอเหมาะ และยืนให้มั่นคง วางแขนในระนาบที่ขนาดกับพื้น บังคับลูกด้วยด้วยข้อศอก และ ข้อมือและตั้งท่าการโยนดังนี้
– ถ้าถนัดขวาให้ใช้มือขวาเป็นหลักในการปา แต่ถ้าถนัดซ้ายจะใช้มือซ้ายก็ได้
– ให้ยืนหันหน้าไปที่เป้า เบี่ยงข้างเล็กน้อย และปลายเท้าขวาแตะเส้น ส่วนเท้าซ้ายก้าวไปข้างหลัง ใครที่ถนัดซ้ายให้เอาเท้าขวาก้าวไปด้านหลังแทน
– จากนั้นให้ก้มไปข้างหน้าเล็กน้อย ถือลูกดอกขึ้นมา ให้หัวลูกดอกขึ้นปลายพุ่ง เกร็งข้อมือและข้อศอกให้นิ่ง
– ให้ถือลูกดอกด้วยนิ้ว 3 นิ้วคือนิ้วโป้ง นิ้วชี้ และนิ้วกลาง ใช้ทั้ง 3 นิ้วประคองตัวลูกดอก
– ก่อนปาให้ลดแขนลงเล็กน้อย ปาไปข้างหน้าโดยใช้ข้อศอก และข้อมือบังคับการโยน กางแขนให้ได้องศาที่พอดี
– ให้ใช้แรงที่พอดี ไม่แรงและไม่เบาจนเกินไป ขว้างไปข้างหน้าให้ปลายเชิ่ดหน่อยเพียงเท่านี้ก็เข้าเป้าแล้ว
ถ้าอยากจะเป็นที่ 1 ในการปาเป้าและเก่งกว่าคนอื่น ง่าย ๆ เลยเพียงแค่ต้องฝึกฝนการปาเป้าให้ได้อย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง ฝึกในทุก ๆ วันเพื่อท่าและ Position ที่ดีที่สุดของตนเอง และถ้าจะให้ดีกว่านั้นควรพกลูกดอกไปปาในทุก ๆ ที่ ๆ มีโอกาสด้วยจะดีมาก เพราะว่าเซียนปาเป้าหลายคนก็ทำแบบนี้ ฝึกซ้อมในทุกที่ทีมีโอกาส เพื่อที่จะได้เก่งและพัฒนาฝีมือได้ดีมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
ในส่วนของลำตัว ให้เอียง 90 องศา กางขาให้พร้อม ร่างกายของผู้เล่นจะซับพอร์ตท่ายืนท้งหมด ใช้แขนยกขึ้นมาให้ลูกดอกอยู่ระดับสายตา และขว้างไปข้างหน้าโดยใช้ข้อมือและข้อศอกในการควบคุม ไม่ควรใช้แขนโดยตรง เพราะทำให้ความแม่นยำคลาดเคลื่อน และปาไม่ตรงเป้านั่นเอง คำแนะนำในการปาลูกดอก อย่าเกร็งนิ้วขณะที่ปาเด็ดขาด
เทคนิคการจับลูดอก
การจับลูกดอกก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก ๆ การจับคือการควบคุมทิศทางของการปาไปในตัว โดยที่ให้ใช้นิ้วมือทั้งสามจับลูกดอกเอาไว้ โดยใช้นิ้วโป้ง นิ้วชี้ และนิ้วกลาง ส่วนอีก 2 นิ้วให้เป็นตัวซัพพอร์ตแรงไป ก่อนปาให้เล็งดี ๆ และปาในความเร็วที่พอเหมาะไม่งั้นลุกดอกอาจจะไม่เข้าเป้าก็มีโอกาสสูงเช่นกัน
ระยะเล็ง
การเล็งนั้นผู้เล่นจะต้องให้ลุกดอกอยู่ในระดับสายตา และกะให้ดีว่าจะให้ลูกดอกไปลงช่องไหน เมื่อกะแล้วให้ลองเหวี่ยงลูกดอกเพื่อกะระยะดูว่าพอได้หรือไม่ ถ้าได้มุมและองศาที่พอดีแล้วก็เริ่มทำการปาได้เลย
คุณสมบัติของลักษณะในการปา
มือใหม่ต้องอ่านให้เข้าใจและต้องทำให้เป็นมาตรฐาน เพราะว่าการปาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการแข่งขันนี้ การจะปาให้ได้และโดนนั้นต้องกำหนดศูนย์ถ่วงและหาสมดุลของการถือก่อน หลังจากนนั้นกำหนดเป้าหมาย และแรงในการปาให้พอควร เมื่อปาเสร็จแล้วให้ปล่อยมือให้เป็นอิสระในทันทีไม่ต้องเกร็ง ทำตัวให้สบายและรอดูผลบนกระดาน
วิธีการควบคุมการหายใจในขณะปา
การหายใจในการปานั้นก็เป็นอีกสิ่งสำคัญมาก ๆ เพราะการหายใจเป็นตัวกำหนดสมาธิของผู้เล่น และการหายใจอย่างถูกวิธีจะทำให้ผู้เล่นปาได้แม่นยำมากกว่าเดิมอีกด้วย และการหายใจก็ควรอยู่ในการฝึกฝนรายวันของตัวผู้เล่น เพื่อฝึกสมาธิ ทำให้การแข่งขันของผู้เล่นมีโอกาสชนะมากกว่าเดิม
และทั้งหมดที่เรากล่าวมาเป็นเทคนิคการปาเป้าให้ถูกต้อง และเป็นการใก้ความรู้ในเรื่องของแต้มและอุปกรณ์ในการปาเป้าอีกด้วย ใครที่กำลังศึกศสอยู่แล้วอยากลองเล่น ก็สามารถซื้ออุปกรณ์มาเล่นที่บ้านได้เลย ในตอนนี้หาซื้อมาเล่นกันได้ง่าย ๆ แล้ว และถ้าสนใจจริง ๆ อยากเล่นให้เป็นแบบจริงจังก็สามารถเปิดยูทูปเพื่อประกอบความเข้าใจให้มากยิ่งขึ้น การปาเป้าจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพียงแค่ฝึกฝนให้มาก ทำให้เป็นประจำเพียงเท่านี้ก็เล่นปาเป้าได้อย่างไหลลื่นแล้วหล่ะ